สวัสดีครับ พอดีช่วงนี้ตกงาน ว่างมากเลยเข้ามาอ่าน forum อยู่บ่อยๆแล้วเห็น เทคนิคที่พี่อรรถนะนำจากหัวข้อ วิธีกรองอาธ์ทีเมีย ผมก็เลยสนใจเอามาทำเป็นการบ้านแล้วก็ทดลองโน่นนี่นิดหน่อย จนสรุปออกมาได้ดังตัวอย่าง เป็นผลที่ค่อนข้างจะน่าพอใจครับ ได้ตัวอาธ์ทีเมียที่ค่อนข้างมีคุณภาพสะอาดมากครับ แทบจะไม่มีเปลือกไข่ติดอยู่เลยก็ว่าได้ ผมเลยทำแบบใสและแบบทึบให้ดูเพื่อให้เห็นด้านในด้วยครับว่าเป็นอย่างไร ลองทำกันดูครับผมว่าใช้ดีนะครับ สำหรับคนที่ใช้เยอะหน่อยก็ทำหลายอันหน่อย ทำ D.U.E ไว้ด้วยนะครับเพื้อจะได้รู้ว่าอันไหนพร้อมใช้เมื่อไหร่ อย่างไร อันไหนทำก่อนหลัง แต่ถ้าต้องการใช้เยอะจริงๆ ก็ทำขวดน้ำ 5 ลิตรไปเลยครับ ทำเหมือนกันครับ 1. ใช้ขวดน้ำ 1.5 ลิตร แบบกลมดีกว่าเหลี่ยม เจาะก้นเอาขอบไว้ด้วย ให้กว้างพอจะรินไรทะเลที่เป่าแล้วลงได้สบายๆ 2. ฝาขวดเอามาเจาะรูใส่วาว์ลลมตัดท่ออ็อกซิเจนสัก 1.5 ซม.เสียบ อันนี้ปรับแต่งสั้นยาวตามปริมาณกากที่ลอยครับ ถ้าใช้ไข่เยอะสัก1.5 ช้อนชาในน้ำเกลือ 1.5…
Category: อาหารปลากัด
สำหรับผู้เพาะเลี้ยงปลากัดแล้ว… คงต้องพยายามหาอาหารที่เหมาะสมสำหรับปลาที่เรารัก ทั้งสำหรับลูกปลาขนาดเล็กและปลาโตเต็มวัย… ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่พยายามสรรหาอาหารที่เราสะดวก สะอาด ตระเตรียมง่าย มาให้ปลาเรากิน… และอาหารที่ผมจะกล่าวถึงตัวนี้ คือสิ่งที่ทำให้การเพาะเลี้ยงของผมประสบความสำเร็จ จนมาเป็นวันนี้ได้ นั่นคืออาร์ทีเมียนี่ละครับ… อาร์ทีเมียเนี่ย เขาว่ากันว่ามันเป็นสัตว์ในตระกูลกุ้ง สามารถอยู่ในน้ำที่มีความเค็มจัดได้เป็นอย่างดี ออกลูกได้ทั้งเป็นตัวและเป็นไข่… ซึ่งจากตรงนี้เองที่ทำให้คนเขาเอามาใช้ประโยชน์กัน กล่าวคือ เมื่อเป็นสัตว์น้ำเค็ม โอกาสที่จะเป็นพาหนะนำโรคสำหรับปลาน้ำจืดก็ไม่มีหรือน้อยมากๆ กับ…สามารถเพาะเลี้ยงเองได้ โดยเพาะจากไข่ของเขา… อาร์ทีเมียที่ดีที่สุดในโลก ว่ากันว่าอยู่ในอเมริกาโน่น แต่ไม่ต้องสนใจครับ… เมืองไทยเราก็มี แต่รู้สึกว่าผลิตในลักษณะขายเป็นตัวเต็มวัย ที่เราเห็นขายเป็นถุงๆในตลาดปลาสวยงามทั่วไปนั่นแหละ ลักษณะตัวเป็นไง ก็ดูจากร้านค้าที่นำมาขายละกันครับ… อีกแบบหนึ่งก็คือขายเป็นกระป๋องหรือแบ่งขายเป็นกระปุก… โดยนำไข่เขามาขาย ซึ่งมีราคาพอสมควร เพราะต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ มักใช้ในฟาร์มกุ้งและมีการนำมาใช้กับปลาสวยงาม ซึ่งผมเป็นคนหนึ่งที่ใช้ และใช้มานานแล้วครับ… ต่อไปเราจะมาว่ากันเรื่องการนำอาร์ทีเมียไปให้ปลากินนะครับ ถ้าเป็นตัวเต็มวัย… ก็สามารถเอาไปให้ปลากินได้เลย แต่ต้องล้างน้ำเปล่าซะก่อนนะครับ……
การเพาะเลี้ยงปลากัดหรือปลาชนิดใดๆ ปัญหาชนิดหนึ่งที่มักประสบคือ การหาอาหารที่มีความเหมาะสมให้กับลูกปลาเหล่านั้นครับ บางท่านใช้ลูกไร ก็เจอปัญหา ต้องออกไปช้อนเองบ้าง ไปซื้อมาก็อยู่ได้ไม่นานเดี๋ยวก็ตายไป ใช้ไข่แดงก็น้ำเสียง่าย ใช้อาหารสำเร็จรูปก็มีขนาดใหญ่ไป ไอ้ที่ละเอียดก็ราคาสูงหน่อย ให้มากไปน้ำเสียเน่าอีกต่างหาก จะใช้ไข่อาร์ทีเมียมาเป่าก็ราคาแพง จะคุ้มไหมถ้าซื้อทั้งกระป๋องมาเลี้ยงลูกปลาครอกเดียว… หนอนจิ๋วครับ…เป็นตัวเลือกตัวหนึ่ง บางคนก็เรียก Microworm ซึ่งตัวมันมีขนาดเล็กกกกกมากครับ เล็กจริงๆ ผมเห็นครั้งแรกนี่ผมมั่นใจเลยว่าลูกปลาเพิ่งเกิดกินได้อ่ะ ผมได้หนอนจิ๋วมาตั้งต้นจากพี่ som หรือพี่ chep ครับ จากการติดต่อซื้อโหลปลากัด และคุยไปคุยมาจนรู้จักกันในที่สุด พี่เขาแบ่งเชื้อมาให้ผม ทำมาเสร็จเลย 1 กระปุก จึงได้จัดแจงมาศึกษาวิธีการเพาะเลี้ยงและการนำไปให้ลูกปลากิน โดยการเลี้ยงก็ยึดวิธีของคุณนณณ์อีกแหละครับ…วิธีกินคงต้องดัดแปลงเอง เพราะปลาที่บ้านผมมีเป็นพันๆตัว ลูกปลาจิ๋วๆหลายครอก ทำไม่ดีเสียเวลามากครับ… ส่วนคุณค่าสารอาหาร คงต้องไปถามนักวิชาการจริงๆนะครับ ผมพวกเกษตรกรใช้อย่างเดียว 555 การเพาะครับ…ง่ายสุดๆแล้ว…
คนเพาะเลี้ยงปลากัดแต่ละคนเห็นทีจะไม่มีใครไม่รู้จักไรแดงแน่ เพราะว่ามันมีความสำคัญกับการเลี้ยงปลาหลากหลายชนิดตั้งแต่ตอนอนุบาลจนกระทั่งโตแล้วก็ยังมีคนเลี้ยงปลากัดด้วยไรแดงอย่างเดียวก็มี… อย่างไรก็ตามไรแดงก็เป็นผลผลิตที่หาได้จากตามธรรมชาติ แต่หากมันหาไม่ได้ล่ะ… ผมจึงเริ่มต้นศึกษาหาแนวทางการเพาะเลี้ยงไรแดงจนกระทั่งได้สูตรปัจจุบัน และใช้มาจนทุกวันนี้ การเพาะไรแดง…ตามสูตรเก่าๆมีความยุ่งยาก ที่ต้องหาวัตถุดิบตั้งต้น ไหนต้องหาน้ำอามิ หาปูนขาว ซึ่งเกิดความไม่สะดวกในการทำ…จึง ได้ปรึกษาพี่ๆเพื่อนๆในวงการปลากัด อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ โดยผ่านทางสาวๆหลายๆท่าน จนกระทั่งได้สูตรนี้ออกมา (ขอขอบคุณ พี่โชค ( bettaboy77) พี่โนช (madcoth) พี่อรรถ พี่สุรัตน์ (ram_91) คุณสุภัทร (ชลบุรี) น้องโจ๊ก (panthai) น้องยา (น้องสาวคนนึงของผม) และอาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยจุฬา ฯ (ขออภัยจำชื่อไม่ได้) ที่ช่วยแนะนำ หาข้อมูล จนกระทั่งได้สูตรนี้ขึ้นมาครับ) ก่อนจะทำไรแดง เราต้องทราบก่อนว่าไรแดงเป็นสัตว์ที่กินสารแขวนลอยในน้ำ และจำเป็นต้องใช้ซิลิก้าในการสร้างเปลือก……